วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

วันย้ายบ้าน...วันพ้นจากอกป้า...วันวิปโยค

แผนตอนแรก จะอยู่บ้านป้าแค่สองอาทิตย์ แต่ทำไปทำมา

อยู่ไปร่วมเดือน !!!

เหตุเพราะ หาห้องใหม่ตามที่ต้องการไม่ได้ซักที
ไม่ใช่ว่าห้องมันไม่ค่อยมีนะ มีเยอะมาก แต่ว่าส่วนนึงเป็นบ้านนักเรียน
ที่แชร์ห้องน้ำแชร์ครัว และห้องนั่งเล่น

ซึ่งเคยลิ้มรสตอนอยุ่ Student House สามวันแรกที่เหยียบแผ่นดินนี้มาแล้ว
ขอไม่เอาอีกเด็ดขาดดดด

งานนี้โดนกดดันโดยอ้อมันไม่น้อย ที่อยากจะให้เราอยู่กับฝรั่ง เพื่อที่ภาษาจะพัฒนาเร็ว ๆ

เห็นด้วยในแนวคิดเต็มที่เลย แต่ว่าทำไม่ได้จริง ๆ

ทำไม่ได้

จริง ๆ


มีหลายปัจจัยที่อยุ่แบบนั้นไม่ได้ นอกจากจะเป็นคนชอบอยู่คนเดียวแล้ว
แต่ยังเป็นคนชอบทำกับข้าว และตอนนี้กำลังจะเป็นโรคขาดปลาร้า ในเส้นเลือดตายอยู่แล้ว

ขืนไปอยู่บ้านรวมใช้ครัวรวม ถ้าอยากจะทำน้ำพริกปลาร้า หรืออยากตำน้ำพริกกะปิขึ้นมา
แล้วทำไม่ได้ เหมือนสมัยอยู่กะป้าอีก


"กลับไทยทันที !!! แน่นอน !!!"


อีกอย่างที่ห่วงมาก ๆ คือเราต้องทำงานกะคอม หนักมาก
ขืนต้องอยู่กะพวกนั้น มีหวังไม่ได้ทำมาหากินกันพอดี
ส่งงานไม่ทัน โดนปรับตรูดบาน


มันก็เลยมาลงที่ พยายามหาห้องสตูดิโอ หลืบ นี่แหละ
แล้วไปหาวิธี พัฒนาภาษาทางอื่นเอา หรือถ้ามันจะพัฒนาช้า
ก็ช่างแม่ง ดีกว่าต้องไปทนกะเด็กเปรตบ้าปาร์ตี้เยอะ


ความช้ำตรมของกระเหรี่ยงไทยใน UK อีกอย่าง เวลาหาห้องหับอยู่เองอีกเรื่อง

คือ ต่อให้มีเงินมีปัญญาจ่ายค่าเช่าสูง ๆ เพื่อให้ได้ห้องสวย ๆ ดี ๆ นะ

ก็ไม่อาจจะได้ห้องนั้นอย่างใจเสมอไป


ห้องสวย ๆ ดี ๆ มันอยู่กะ agency หมด เวลาเราติดต่อไปขอดูขอเช่า

พอมันเห็นภาษาเราแย่หน่อย มันก็จะรู้ว่าเราเป็นนักเรียนกระเหรี่ยงข้ามชาติ

มันก็จะบอกว่า ห้องมีคนเช่าไปละ

ยันนนน


หรือไม่ก็ มันจะขอ Reference โดยหาคนค้ำที่เป็นคนอังกฤษมาค้ำให้ได้
นักเรียนกระเหรี่ยง อะโลน อย่างเราหมดสิทธิ ไม่มีใครเค้าอยากมาค้ำให้แน่นอน

ก็อด

หรือจะมีอีกทาง จ่ายล่วงหน้าเลย หกเดือนรวด มันจะยอม


แมร่งหกเดือน จะเป็นแสนเอา


ทางออกที่เหลือก็คือ ไปหาเช่าจากคนที่มาปล่อยห้องรายย่อย
ซึ่งจะไม่ซีเรียสมากเรื่อง Reference เอา ซึ่งสภาพห้องก็แล้วแต่ดวง


ตอนนี้หารูหนูที่พอจะตรงความต้องการได้แล้ว ราคาปริ่ม ๆ พอรับได้
แต่ดีตรง ค่าน้ำค่าไฟ แก๊ซ มันรวมอยุ่ในค่าเช่าหมดแล้ว (ยกเว้น net)

ก็เลยเอาวะ อยู่ก็อยู่ ไม่งั้นทำไปทำมา จะได้อยู่กะป้า จนวีซ่าหมดเอาซะก่อน



ก่อนพรากจากอกป้ามา ได้เอาของที่ระลึกจากไทย เอามาให้ป้าด้วย
ไปเดินหาซื้อมาจากแถว ๆ อัมรินทร์พลาซ่า หลังจากกลับจากทัวร์รำแก้บนรอบเมืองมา



ช้างน้อยที่เตรียม พกมาจากไทย เตรียมเอาไว้ให้ host family ที่แสนดี
แต่ถ้าดันได้ host เลว ก็จะเอาไว้ปาหัวแทน (เรซิ่นมันหนักดี)


เดินไปหยิบมาให้ป้าช่วงรอ taxi มารับไปบ้านใหม่

พอป้าแกเห็นเข้า แกร้องเหมือนโดนข้าวสารเสกเลย

แกทำท่าชอบของฝากนี่มาก แต่จริง ๆ ก็อินอะไรกะ action แกมากไม่ได้ด้วย
เพราะแกชอบทำตัวสนใส อารมณ์ดีตลอดเวลา ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ยืนขวางครัวแก
ไม่ยอมให้เราทำกับข้าวก็ตาม

แกบอกว่าแกจะเอาไปอวดลูกสาวด้วย และจะเอาวางตรงแถว ๆ หน้าทีวี

แกบอกว่า นี่วันที่ตรงนี้แกต้องตั้งเองทุกวันซิเนี่ย


เราก็คิดในใจ...

"เออออน่า บ้านไอมันด้อยพัฒนาไม่มีแบบอัตโนมัติ ก็ขยัน ๆ มาตั้งเองทุกวันละกัน
ขยันให้เหมือนมาแอบดูเราทำกับข้าวในครัวก็ได้ เห็นขยันจังงง"



ป้าก็ถามสวนมาทันทีว่า เธอมีช้างของตัวเองที่กรุงเทพมั้ยยย


นั่นนนนน เล่นกูล๊ะ


ไม่มีป๊าาาา บ้านผมมีรถเมล์เหมือนบ้านป้านี่แหละ แถมขับมันส์ เดนตาย กว่าบ้านป้าเยอะด้วย
ไม่ได้ขี่ช้างไปเที่ยวไปทำงานเน้อออ


ป้าแกมุขไปงั้น หรือจริง ๆ แล้วแกรู้ว่าเราประชดแกในใจเรื่องบ้านเรามันด้อยพัฒนาฟะ



แกหลอกด่าหรือเปล่าไม่รู้ แต่แกก็ทำท่ามาขอกอด


เราก็ตีสีหน้าเด็กนักเรียนต่างชาติแสนดี กอดป้าแกกลับแบบหลวม ๆ


เหมือนจะปลื้มเลย



ป้าแกบอกว่าแวะมาได้นะ มาแวะกินชากันก็ได้



ชากะหนมปังชืด ๆ ที่ป้าบังคับให้กินทุกเช้าเนี่ยยยยยนะ !!!


ลาล่ะครับป้า รถมาพอดี

แกก็เดินมาส่ง (แต่ไม่ช่วยยกของ)

ก็สร้างภาพนักเรียนต่างชาติแสนดี กอดลาป้าตามประเพณีนิยมหลวง ๆ อีกครั้ง
เผื่อจะเป็นความประทับใจ ที่เอาไว้หลอกเล่าให้ลูกให้หลานฟังได้โดยไม่เคอะเขิน




นั่ง taxi ไปฝนก็ตกไปเรื่อย ๆ กว่าจะถึงล่อไป 12 ปอนด์ น้ำตาริน

ถึงจุดหมาย พี่คนขับ taxi ก็ช่วยขนของลงวางไว้ข้างถนนให้
วาง ๆๆ แล้วมันก้จากไป

กระเป๋าใบยักษ์ 1
เป้อวบ ๆ 2
กล่อง case คอม 1
กล่อง monitor 1
กล่อง printer ใหญ่ ๆ 1
ถุงใส่น้ำปลาตราปลาหมึก และของเล็ก ๆ น้อย ๆ 1


อย่างงงเยอะ


กองอยู่ข้างถนน ฝนก็ตกพรำ ๆ


ต้องยกของพวกนี้เอาไปวางไว้หน้าบ้านอีก

ก็เลยต้องรีบยกแล้ววิ่งไปหน้าบ้านห่างไปซัก 30 เมตร

กำลังเทียววิ่งลาก วิ่งแบกอยู่คนเดียว ก็มีฝรั่งเดินผ่านมาคนนึง


หล่อมาเชียวนะมึง


เดินผ่านมา แล้วถามว่า ให้ช่วยมั้ย



โอวววว พ่อหนุ่ม หน้าตาดี น้ำใจประเสริฐ ขอบคุณณณณณ


วินาทีนั้นแบกเหนื่อยมาก และทึ่งมาก ที่ฝรั่งน้ำใจงาม
งามกว่าคนไทยอีก มั่นใจเลยว่า ใน กทม ไม่มีทางเจอคนมาช่วยแบบนี้


แต่แว๊บนึงก็ฉุกคิดว่า เฮ้ย มันแบกมาแล้ววิ่งยาวไปเลยทำไงวะ

หันไปมองตานั่น เค้าก็ยกมาวางให้ถึงที่ ไม่วิ่งแฮะ


นี่หรือใจของคนไทย สยามเมืองยิ้ม น้ำใจงาม ทำไมคิดงี้ฟะ



ขอบคุณฝรั่งแทบอยากจะกราบ น้ำใจประเสริฐแท้

นี่ถ้าเป็นหญิงคงตบรางวัลหิ้วขึ้นห้องไปปล้ำแล้ว


มาถึงห้องเจอเจ้าของห้องเป็นแขก (ประเทศแขกก็เงี้ย)
แต่คนนี้แขกวัยรุ่น IT ใช้ iPhone ด้วย คุยดี เข้าใจหัวอกกระเหรี่ยงอย่างเราเป็นอย่างดี


พี่แกบอกว่า เออ มีสองเรื่องใหญ่ ๆ ที่ไม่เรียบร้อยนะ





1. น้ำฝักบังไม่ไหล แต่จะมาซ่อมให้เย็นพรุ่งนี้

อ้าวสัส ไมพี่พูด งั้นล่ะครับ แล้วกูจะเอาไรอาบ


2. ฮีตเตอร์ยังติดตั้งให้ไม่ได้ เพราะมีปัญหากะอาคาร
ต้องรอภายในอาทิตย์หน้าให้อาคารปรับปรุงเสร็จก่อน ถึงจะทำได้

เช็ดดดดด
เห็นกรูอ้วน ๆ ใส่เสื้อดำ แต่กรูเป็นคนนะไม่ใช่เพนกวิ้น
จะให้อยู่ห้องในประเทศเส็งเคร็งนี่โดยไม่มีฮีตเตอร์เนี่ยนะ


พี่แกเตรียมฮีตเตอร์สำรองตัวเล็กเสียบปลั๊กมาให้
แล้วบอกว่าใช้ชั่วคราวไปก่อนนะ อย่าเสือกมาหนาวตายห้องกรูล่ะ (อันหลังนี่เติมเอง)


พอทน


แต่ว่าอาบน้ำนี่ซิ ทำไรไม่ได้จริง ๆ ต้องออกไปหาซื้อถังน้ำซะละมั้ง เอาไว้ตักอาบ
เพราะน้ำจากก๊อกอื่นมันก้ยังใช้ได้อยู่


ok เอาไงก็ได้ กรูไม่มีทางเลือกนี๊ จะให้ซมซานกลับไปหาป้า
ให้ป้าแกฮาเร๊อะไม่มีทาง


ไม่อาบน้ำแค่นี้ ชำนาญญญญญ



พอคุยเสร็จจ่ายตังเรียบร้อย เราก็วางแผนจะออกไปหาซื้อหมอนกะผ้าห่มมาใช้
เพราะว่าเค้ามีให้แต่เตียงกะฟูก (ดีที่มีฟูกมาให้แล้ว)


เราก็เดินออกไปข้างนอก หาเวชภัณฑ์และเครื่องยังชีพ ปรากฏว่า

ร้านแม่งปิดกันเหี้ยนนนน


ล้อเล่นป่าวห้าโมงกว่าเองนะ ไม่คิดจะทำมาหากินกันหรือไง

นี่กำลังซื้อจากประเทศโลกที่สามมาแล้ว


เปิดซิเปิดดดด



เงียบบบ



เวร




อีประเทศเส็งเคร็งนี่ มันปิดร้านกันตั้งแต่ห้าโมงในวันอาทิตย์

นี่มันไม่คิดว่าจะมีใครอยากได้ผ้าห่ม ในคืนวันอาทิตย์บ้างเลยหรือไง


ซวยยยย แล้วคืนนี้จะนอนยังไง


กลับมาลองอัดเสื้อกันหนาวดู

ลากฮีตเตอร์น้อย ที่ปล่อยไอร้อนที่ร้อนกว่าไอตด หน่อยนึงมาข้าง ๆ เตียง

ลองนอนดู


มันก็พอไหวนะ แต่การนอน โดยไม่มีผ้าห่มนี่

มันโหดร้ายอะ


ชีวิตกรู



คิดถึงผ้าห่มป้าอะ มีให้สามผืนใหญ่ ๆ หนาเป็นฟุต


ป้าครับ ผมผิดไปแล้วครับ....



เดินเซ็ง ผ่านร้านบางร้านที่ยังเปิดอยู่ ซึ่งจะเป็นร้านขายของกินซะมากกว่า

เลยแวะเข้าไปหามื้อเย็นกินซะหน่อย

คราวนี้มีเตาอบแล้ว จะหาอะไรไปอุ่นกินซะหน่อย

เพราะที่นี่อาหารแช่เย็นหลาย ๆ อย่าง เค้าจะให้เอามาอุ่น หรือทำให้สุกในเตาอบมากกว่า
ไมโครเวฟ ซึ่งเราไม่มีโอกาสได้กินของเหล่านั้นมาก่อนเลย เพราะป้าให้ใช้แต่ไมโครเวฟ


ตรูจะซัดไก่ซักตัวววววว
หุงข้าว ทำไข่ต้มกินกะน้ำพริกด้วย


หยิบไก่ขึ้นมา เอ๊ะ


ไม่มีจาน


แล้วจะทำยังไง
จะกินยังไงนะ


จบ



นี่มันสงครามชีวิตโอชินหรือยังไงกัน

จะต้องไปหาหัวไชเท้าต้มกินแล้วหรือ


กลับห้อง

ต้มมาม่ากระป๋องกิน จบ


อาหารดี ๆ อยุ่ตรงหน้า แต่ไม่มีปัญญาจะกินได้เพราะไม่มีจาน


เฮ่อออออ


รูหนูของฉัน...สังเกตว่า เตียงเดี่ยววาง เข้าไปก็เกือบครึ่งห้องแล้ว

ครัววววของฉันนนนน เสร็จแน่ ๆ เสร็จแน่ ๆ

รอไปหาซื้อจานชามหม้อกระทะก่อนเหอะ โดนนนนนนนน


ได้เตามาแบบเป็นหัวแก๊ซด้วยแหละ ทำกับข้าวไทยได้มันส์แน่นอล
(ของบ้านป้าเป็นแบบแผ่นดำ ๆ แบน ๆ นอกจากจะเจียวไข่ไม่ฟูแล้ว ยังจะต้องคอยระแวง
ไม่กล้ากระแทกให้มันแตกอีก)

ฮีเตอร์ชั่วคราวแบบเสียบปลั๊ก

ไอร้อนมันร้อนกว่าตด นิดเดียว ถ้าคืนนี้มันไม่ช่วยให้อุ่นได้

จะยกขึ้นเตียง

11 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2552 เวลา 17:57

    ถ้านายมีไดเป่าผมนะ เอาไดเป่าที่นอน (ใต้ผ้าห่ม) ก่อนขึ้นเตียงนอน ห่มผ้าให้เป็นดักแด้ แล้วที่นอนจะอุ่นนานเลย.. หลับสบาย..

    ห้องสวยนะเนี่ย มีเครื่องซักผ้าด้วยหรือเนี่ย?

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ26 มกราคม 2552 เวลา 01:21

    ขอบคุณเทคนิคจากเด็กซานฟรานมาก เดี๋ยวลองทำแน่ ๆ
    เพราะเวลาห่มผ้าใหม่ ๆ กว่ามันจะอุ่นก็หลับก่อนทุกที
    ทรมาณณณ

    ห้องนี้มีเครื่องซักผ้าด้วย ไม่รู้ว่าจะใช้งานได้แค่ไหน
    เค้าบอกว่าไอ้เครื่องแบบนี้ที่นี่ซักทีเป็นชั่วโมง กว่าจะได้เอามาตาก

    ตอบลบ
  3. แขกใจร้ายเนอะ ... จะดูแลให้เรียบร้อยก่่อนก็ไม่ได้ พี่อาทลำบากเลย
    ต้องห่อตัวเป็นแหนมอีกแล้วเนอะ

    เสร็จๆๆๆพี่อาท ครัวววววววววววววววว อยากอาหารไทยมานานแล้วนิ
    มีครัวสมใจแล้ว รอดูเมนูคนไปอังกฤษดีกว่า...^^

    น่าสงสารจะฉลองห้องวันแรกด้วยไก่ ไม่มีจานเลยอดเลยทีนี้
    ฉลองห้องใหม่ด้วยมาม่ากระป๋อง ซะอย่างนั้น

    ห้องสวยอยู่นะค่ะ สีขาวๆครีมๆ กรี้ดๆๆๆ เลือกห้องใช้ได้เลย

    หนุไม่เคยใช้เตาอบยังงี้เลยค่ะ เห็นแล้วนึกถึงรายการอาหาร
    ครัวฝรั่งเลยล่ะ ถูกใจพี่อาทแน่ๆๆ

    เทคนิคพี่นุชทำให้หนุนึกถึงตอนเวลารีบๆรีดผ้าแล้วใส่เลย มันอุ่นใช้ได้เลยนะค่ะ ^^

    ตอบลบ
  4. พรรณนาโวหาร

    เรื่องยาวอย่างกะเรียงความ

    มีครัวแบบนี้ จะกลายเป็นหมีขาวกลับสยามไหมเนี่ย

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ27 มกราคม 2552 เวลา 17:00

    ขอบคุณ กับบทความดีีๆๆที่มีข้อคิด

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ28 มกราคม 2552 เวลา 02:08

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ

    ตอบลบ
  7. ผมว่าเดี๋ยวมันจะต้องเกิดปัญหาขึ้นอีกแน่ เพราะครัวมันไม่มีที่ดูดอากาศ
    เอ๊ะหรือว่ามี แต่ดูจากสภาพห้องแล้วไม่น่าจะมี

    sarar

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ28 มกราคม 2552 เวลา 11:11

    มีที่ดูดควันฮ่ะ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ28 มกราคม 2552 เวลา 21:01

    อ้อ..เมื่อวานลืมอ่านอันนี้ก่อน
    ห้องสวยง่ะ เล็กๆ แบบนี้แหละดีัดูแลง่ายดี
    อย่าไปซื้ออะไรเข้ามาเพิ่มอีกนะ รกเปล่าๆ

    รอดตายแล้ววุ้ยหลานชั้น

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ28 มกราคม 2552 เวลา 21:03

    เออ...ลืมบอก ไอ้อาการอภิเชษฐ์จนล้นเหลือ
    สังคมไทยสอนมาน้อย ได้รับของจากใครต้องทำปลื้มมมมมม
    ซะเป็นล้นพ้นอย่าได้ลืมเป็นอันขาดไม่งั้นคนใช้จะเสี้ยใจ๋..มากๆ
    คนไทยมัวทำสงวนท่าที(ตามที่ได้รับการสอนมาว่าอย่างกอย่าโลภ
    แค่วัฒนธรรมต่างกันน่ะ น้าก็ลืมทำท่าอภิเชษฐ์เวลาได้รับของขวัญ
    ไปบ่อยอยู่เหมือนกัน แบบเรามาดแยะ)

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ30 มกราคม 2552 เวลา 08:24

    จริง ๆ เลยอะ เวลาเอาอะไรให้ครูนะ
    เจ๊แก ต้อง อุทาน "โอ้ว เลิ๊ฟฟฟ ลี่"

    จนเราตกใจเลยอะ มันจะอะไรขนาดนั้น

    ตอบลบ